วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ผีเขมรที่เกาะกูด

ผีเขมรที่เกาะกูด


เรื่องมันเกิดขึ้นในปลายฤดูร้อนปีหนึ่ง เมื่อ บรรดา สจ๊วตและแอร์รุ่นเดียวกับผม นัดรวมพลพรรคที่มีเวลาว่างตรงกันประมาณ 10 คน จัดทริปไปเที่ยวเกาะกูด โดยพักที่บ้านกึ่งรีสอร์ทบนเกาะเล็กๆส่วนตัว ห่างออกมาจากชายแดนของประเทศกัมพูชาไม่มากนัก

ด้วยความที่อยากทำตัวเป็น ไฮโซติดดิน พวกเราจึงทุลักทุเลเดินทางออกจากกรุงเทพฯในตอนบ่ายโดยรถโดยสารปรับอากาศของ บขส. จากสถานีเอกมัย มาลงที่ตัวจังหวัดตราด แล้วต่อรถสองแถวไปที่ท่าเรือ เพื่อต่อเรือไปยังเกาะที่พักอีกที ซึ่งกว่าจะถึงที่หมายก็พลบค่ำ ทุกคนจึงเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง ขนาดที่เรียกได้ว่าแทบจะคลานขึ้นบ้านพักกันเลย

หลังจากเติมพลังงานด้วยอาหารเย็น ที่เจ้าของรีสอร์ทจัดเตรียมให้จนอิ่มหมีพีมันแล้ว พวกเราจึงออกเดินสำรวจบ้านพักและบริเวณโดยรอบ... มันมีลักษณะเหมือนบังกะโลชายหาดแบบโบราณทั่ว ไป คือ ยกพื้นสูงประมาณ เมตรกว่า ๆ ตัวเรือนทำด้วยไม้ มีหน้าต่างโดยรอบ ทำให้อากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดี ด้านหน้าเป็นท้องทะเลสีครามเข้ากับสีฟ้าอ่อนของตัวบ้าน ด้านหลังอิงแอบกับเนินเขาลูกเล็ก ๆ ที่มีบรรดาพืชพันธุ์ต่าง ๆ ขึ้นเบียดเสียดกันอยู่มากมาย เสียงสรรพสัตว์ต่าง ๆ ร้องเบา ๆ ดังออกมาจากป่าละเมาะนั้น แต่เสียงหนึ่งที่ทำให้ผมขนลุกด้วยความกลัวปนขยะแขยงมากที่สุด คือเสียงของตุ๊กแกที่ไต่ยั้วเยี้ยอยู่ตามผนังบ้าน

ระหว่างทาง พวกเราได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนั้น ทุกคนต่างก็มีอัธยาศัยอันดี ยกเว้นแต่พ่อแม่ลูกสามคนที่มองผมและซุบซิบกันด้วยท่าทีแปลกๆ...

คืนนั้น...พวกเรานั่งเฮฮา ตากลมริมชายหาด จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืน จึงเดินกลับเข้าตัวบ้านเพื่อพักผ่อน ด้วยความที่สนิทกันมาก แต่ละคนจึงลากเอาที่นอนหมอนมุ้งมานอนรวมกันที่ห้องใหญ่ห้องเดียว ต่างพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน...

สักพักใหญ่ ๆ เสียงจ้อกแจ้กจึงค่อยๆลดระดับลงเป็นเสียงกระซิบ และเงียบไปในที่สุด แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องเห็นเป็นเงาสลัวลาง เสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ กอรปกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้ผมผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย

เวลาจะผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินตุ๊กแกร้องระงมอยู่ภายนอก เสียงนั่นทำให้ต้องรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง เอามืออุดหูด้วยความเกลียดกลัว...น่าแปลกที่บรรดาเพื่อนๆ ยังคงนอนหลับกันอย่างสบายอารมณ์ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สักพัก เสียงตุ๊กแกก็สงบลง แต่คราวนี้กลับมีเสียงของชายหญิงคู่หนึ่งดังขึ้นเบาๆ ผมพยายามฟังว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกันอยู่ แต่ไม่สามารถเข้าใจได้แม้แต่คำเดียว...เหมือนกับเป็นภาษาเขมร

ผมค่อย ๆ พลิกตัวมองไปยังหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งเป็นที่มาของเสียง... ท่ามกลางความมืดมิดที่มีเพียงแสงจันทร์สลัว...ภาพลางๆที่เห็นเบื้องหน้าคือ ชายหญิงและเด็กที่ผมพบตอนเดินเล่นเมื่อช่วงค่ำนั่นเอง...การสนทนาสะดุดหยุดลงทันที เหมือนรู้ว่ามีคนกำลังแอบฟังอยู่ ทั้งหมดหันมาจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เย็นชา...

“อ๋อ...พวกชาวบ้านที่ทำงานที่นี่นั่นเอง” ผมคิดในใจพร้อมกับเอ่ยถามพวกเขาเบาๆ ด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเพื่อนที่นอนหลับอยู่

“มีอะไรหรือครับ...มาทำอะไรกันดึกๆดื่นๆอย่างนี้...” เสียงของผมทำให้เพื่อนบางคนเริ่มขยับพลิกตัว...เมื่อเหลียวไปมองก็เห็นเงาตะคุ่มๆกำลังโงนเงนลุกขึ้นนั่ง

เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมละสายตาจากพวกเขาเหล่านั้น... พลันปรากฏภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ข้างนอกเมื่อสักครู่ มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอน ...ถือไม้ท่อนใหญ่ท่อนหนึ่งแกว่งเล่นในมือ...ผมงงงันกับภาพเบื้องหน้า ไม่เข้าใจว่าเด็กนั่นแอบปีนเข้ามาในห้องพักของพวกเราตั้งแต่เมื่อไร

โดยไม่คาดคิด...แกเริ่มออกวิ่งไปรอบๆห้อง กระโดดข้ามเพื่อนบางคนที่ยังคงนอนขวางอยู่ พลางเอาไม้ที่ถืออยู่เคาะผนังดังก๊อกๆๆ ๆพร้อมส่งเสียงกรีดร้อง...มันดังโหยหวน จนผมต้องยกมือขึ้นปิดหู

ถึงตอนนี้ เพื่อนๆผมก็ตื่นกันหมดแล้ว ทุกคนต่างลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้ากันด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น...ผมพยายามร้องห้าม แต่เด็กนรกนั่นไม่ยอมหยุด ยังคงวิ่งพล่านเคาะฝาผนังรอบห้องต่อไป ผมจนปัญญาจึงหันไปหาสามีภรรยาที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“พี่ๆ ช่วยมาเอาลูกออกไปหน่อยสิครับ ซนจริงๆ...” ผมกวักมือเรียกสองคนนั่น แต่น่าแปลกที่พวกเขาดูเหมือนจะไม่สนใจใยดี ว่าลูกตัวเองกำลังรบกวนการพักผ่อนของพวกเราอยู่
“คุยกับใครที่ไหนอยู่เหรอ แอนดี้...แล้วนี่เสียงอะไรน่ะ ใครร้อง...ใครเคาะฝาบ้าน” เสียงสั่น ๆ ของเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น พร้อมหันไปมองรอบๆอย่างหวาด ๆ ราวกับว่ามันไม่เห็นใครอยู่เลย

“อ้าว...ก็เรียกให้พ่อแม่ของเด็กนี่มาเอาลูกเค้าออกไปน่ะสิ...วิ่งเล่นอยู่ได้ ไม่หลับไม่นอน...”

ผมตอบอย่างเหลืออด จากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น อาศัยแสงจันทร์ หาทางเดินไปยังแผง สวิทช์ไฟ แล้วกดปุ่มให้มันทำงาน...แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ห้องทั้งห้องยังคงมืดมิด

ท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนๆ ผมกดปุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า แข่งกับเสียงกรีดร้องและเสียงเคาะผนังห้องของเด็กนั่น ความกดดันปะทุขึ้นจนผมไม่สามารถทนได้ ผมใช้นิ้วกระแทกย้ำไปที่สวิทช์ไฟอีกหลายครั้ง พร้อมตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด

“ไอ้หนูหยุด...หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้...”

เมื่อสิ้นเสียงของผม แสงจากดวงไฟหลายดวงบนเพดานพลันสว่างขึ้น เสียงอึกทึกและภาพของเด็กน้อยคนนั้น กลับหายไปในพริบตา ห้องทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง...ผมมองไปรอบๆ เห็นบรรดาเพื่อนๆนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ด้วยความหวาดกลัว

ผมรีบสาวเท้าเดินไปที่หน้าต่างตรงหัวนอน เพื่อมองหาทั้งสามคนนั่น แต่กลับไม่พบอะไรเลย...แข็งใจมองฝ่าความมืดออกไป เห็นเงาตะคุ่ม ๆ กลุ่มหนึ่งเดินอยู่ตรงท่าเรือ พวกเขาหันมามองที่ผมอีกครั้ง ด้วยแววตาเฉยชาเช่นเคย แล้วค่อยๆเดินห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตาในที่สุด
…………………………….
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ผมเดินลงไปดูตรงบริเวณที่เห็นสามีภรรยาเมื่อคืน (เดินไปคนเดียว เพื่อนคนอื่นกำลังสาละวนเก็บของหนีกลับกรุงเทพฯ) พบว่ามีศาลเพียงตาตั้งอยู่สองหลัง...ทำไมนะ เมื่อวานพวกเราถึงไม่มีใครเห็นศาลนี้กันสักคน...สอบถามคนงานดูจึงทราบว่ามันถูกสร้างให้สามีภรรยาและลูกชายที่นั่งเรืออพยพมาจากกัมพูชาเพื่อหนีสงครามเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่โชคร้ายที่เรือมาล่มจมน้ำตายหมดทั้งครอบครัว และศพถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตรงบริเวณหาดหน้าบ้านหลังนี้

ที่น่าแปลกก็คือ ไม่เคยมีใครเคยพบวิญญาณพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้มาก่อน และไม่มีใครได้พบพวกเขาอีกเลยหลังจากคืนนั้นครับ
แหล่งที่มา  https://pantip.com/topic/31926641

นวนิยาย เรื่อง คือหัตถาครองพิภพ

 นวนิยาย เรื่อง คือหัตถาครองพิภพ







คือหัตถาครองพิภพ เป็นนวนิยายขนาดยาวจำนวน 38 ตอน ของ อิราวดี นวมานนท์ โดยใช้นามแฝงว่า น้ำอบ นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2536 โดยสำหนักพิมพ์ดอกหญ้า นิยายเรื่องนี้ผู้แต่งได้อิงประวัติศาสตร์เล็กน้อย โดยเหตุการณ์ในเรื่องเริ่มต้นใน พ.ศ. 2462 ต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่นิยายเรื่องนี้ก็มีนิยายภาคต่ออีก 29 ตอน คือเรื่อง คือหัตถาครองพิภพจบสากล ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวรุ่นลูกของสะบันงาเป็นส่วนใหญ่ 
      คือหัตถาครองพิภพ เป็นนิยายที่ว่าด้วยเรื่องความรักของแม่ ที่มีคุณค่าและเสน่หานุภาพ ที่จะทำให้เลือดในอกเป็นได้ทั้งพระอรหันต์ กษัตริย์ คนดี คนชั่ว คนเลวหรือคนบาป แต่สุดท้ายทุกชีวิตย่อมพ่ายแพ้แก่คำว่า



แหล่งที่มา https://guru.sanook.com/7312

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

การเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างนวนิยายกับเรื่องสั้น

การเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างนวนิยายกับเรื่องสั้น

นวนิยาย
เรื่องสั้น
1. มีโครงเรื่องแสดงวัตถุประสงค์หลายอย่าง

1. มีโครเรื่องแสดงวัตถุประสงค์และผลอย่างเดียว
2. มีขนาดยาวกว่าเรื่องสั้น
2. มีขนาดสั้นสมลักษณะ
3. มีตัวละครมาก
3. มีตัวละครน้อย
4. มีเวลาสืบเนื่องกันนานมากเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัด
4. มีระยะเวลาในท้องเรื่องน้อย ถ้าเวลามากจะต้องไม่สือบเนื่อง
5. จะพรรณนาให้ยืดยาวก็ได้ ตามความยาวและความเหมาะสม
5. ต้องเขียนโดยประหยัดถ้อยคำไม่ควรพรรณนาฟุ่มเฟือย

แหล่งที่มา  https://www.dek-d.com/writer/12026/
-

ประวัติความเป็นมานวนิยาย


นวนิยาย(Novel)

        คำว่า "นวนิยายเป็นศัพท์ที่ไทยคิดขึ้นมาเองเพื่อใช้เรียกวรรณกรรมประเภทเรื่องสมมุติที่แต่งเป็นร้อยแก้วขนาดยาวตามแบบตะวันตก ซึ่งแต่เดิมคนไทยเรียกว่า เรื่องอ่านเล่น หรือเรื่องประโลมโลก  ตรงกับคำว่า Novel ในภาษาอังกฤษ หรือ Novella ในภาษาอิตาเลียน มีรากศัพท์ มาจากภาษาลาตินว่า Novellus
     สำหรับเมืองไทยนั้นคำว่านวนิยายนั้นเริ่มขึ้นในสมัย ร.5 ตอนปลาย หลังการปรากฏตัวของเรื่องสั้นเล็กน้อย ในสมัยนั้นนวนิยายออกมาในลักษณะเรื่องแปลพิมพ์เป็นเล่มเรื่องแรก คือ ความพยาบาท ซึ่งแปลโดย แม่วัน (พระยาสุรินทราชา)  พอเรื่องพยาบาทแพร่หลาย คนไทยหันมานิยมอ่านเรื่องแปลมากขึ้นจึงเกิดนักแปลขึ้นมาอีก เช่นเรื่อง  "ขุมทรัพย์" และ"เรื่องสาวสองพันปี" แปลโดย นกโนรี หรือ หลวงวิลาสปริวัตร  เป็นต้น ซึ่งนวนิยายต่างๆเหล่านี้ถือเป็นนวนิยายยุคแรกในไทยและไทยก็นำมาจากตะวันตกทั้งสิ้น
     นวนิยายเรื่องแรกในไทยนั้นยังเกิดการถกเถียงกันว่า เรื่อง หัวใจชายหนุ่ม ของร.6 หรือเรื่อง ความไม่พยาบาท ของนกโนรี  และด้วยกระแสนิยมงานแปล สมัยเริ่มแรกจึงมีการแต่งนิยายที่อ้างชื่อตัวละครเป็นชื่อชาวต่างชาติเพื่อหลอกคนอ่านให้เชื่อว่าเป็นนิยายแปล
     ปัจจุบันนวนิยายไทยนั้น มีทั้งเป็นนวนิยายแปล และนวนิยายที่คนไทยเราแต่งขึ้นมาเอง นอกจากการแต่งนวนิยายไว้อ่านเพื่อความเพลิดเพลินแล้ว นวนิยายยังถูกนำไปสร้างเป็น ภาพยนต์ บทละคร และละครโทรทัศน์ อีกด้วย ทำให้นวนิยายแพร่หลายออกไปอีกมาก และเพราะเกิดความหลากหลายทางวรรณกรรมนั่นเองทำให้วรรณกรรมแนวนวนิยายนั้นมีรูปแบบที่หลากหลายตามไปด้วย ขนาดที่ความเจริญก้าวหน้าของวรรณกรรมยุคปัจจุบันดำเนินไป นวนิยายในยุคเก่าก็ยังถูกสนใจและถูกศึกษาอยู่ตลอด กลายเป็นประวัติศาสตร์ ทางวรรณกรรมที่ทรงคุณค่า
         องค์ประกอบของนวนิยาย
     1.แก่นเรื่อง คือแนวคิดสำคัญของเรื่องที่ผู้แต่งมุ่งจะสื่อให้ผู้อ่านทราบ แต่เนื่องจากว่านวนิยายเป็นเรื่องยาวจึงมีจุดที่ให้แง่คิด และแนวคิดหลายจุด  แนวคิดในนวนิยายแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ แนวคิดเอก(Major theme) และแนวคิดรอง(Minor theme)
     2.โครงเรื่อง ประกอบด้วยปัญหาข้อขัดแย้งด้านพฤติกรรม ด้านเหตุการณ์ หรือด้านอารมณ์ของตัวละคร เพื่อทำให้ผู้อ่านสนใจอยากรู้คำเฉลยในตอนจบ ซึ่งโครงเรื่องของนวนิยายจะมีความซับซ้อน เพราะนวนิยายมีโครงเรื่องย่อยๆ(Sub Plot) แทรกอยู่ในโครงเรื่องหลัก(Main Plot) ที่นวนิยายต้องมีทั้งโครงเรื่องย่อยๆ และโครงเรื่องหลักนั้นเพราะนวนิยายต้องใช้เหตุการณ์หลายเหตุ และเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ต้องเชื่อมโยงเป็นเรื่องเดียวกัน
  
     3.ตัวละคร คือผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในเรื่อง หรือเป็นผู้แสดงพฤตกิกรรมต่างๆในเรื่อง ตัวละครจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของนวนิยาย ตัวละคระประกอบด้วย 1)ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นศูนย์กลางของเรื่อง อาจมีทั้งหญิงหรือชาย หรือเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง   2)ตัวละครประกอบ มีส่วนช่วยให้เหตุการณ์ต่างๆให้เรื่องดำเนินไปด้วยดี สำหรับลักษณะนิสัยของตัวละครนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือตัวละครประเภทตัวแบน(Flat Character)เป็นตัวละครที่แสดงนิสัยเพียงด้านเดียว อาจมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีปนกันไป เช่นหากเป็นคนเลวก็เลวไปเลยไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง เราเรียกอีแบบว่าตัวละครแบบ(type character) และตัวประเภทตัวกลม(round chacacter) เป็นตัวละครที่ผู้แต่งสร้างให้เป็นตัวละครหลายอย่าง อาจมีด้านดี และด้านไม่ดีปนกันไป ซึ่งมีอารมณ์และความรู้สึกที่เปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ และสิ่งแวดล้อม ตัวละครตัวกลมจึงดูเหมือนชีวติจริงมากกว่า 
      4.บทสนทนา คือคำพูดที่ตัวละครใช้โต้ตอบกันในเรื่อง บทละครที่ดีต้องเหมาะสมกับบุคลิกของตัวละคร สอดคล้องกับบรรยากาศ และมีลักษณะสมจริง
      5.ฉาก หมายถึงเวลาและสถานที่รวมทั้งสิ่งแวดล้อมอื่นๆที่ช่วยบอกให้ผู้อ่านได้รู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ใหน ที่นั้นมีลักษณะอย่างไร
      6.บรรยากาศ คือรายละเอียดต่างๆ ที่ผู้แต่งสร้างขึ้นในงานเขียนเพื่อก่อให้เกิดอารมณ์อย่างไดอย่างหนึ่ง และมีส่วนทไห้เกิดพฤติกรรมต่างๆของตัวละคร เช่น บรรยากาศที่สงบเงียบ บริสุทธิ์ของคนในสังคมชนบท

เทยเที่ยวไทย


เทยเที่ยวไทย The Route | ตอน 358 | พาเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี






แหล่งที่มา  https://www.youtube.com/watch?v=iFIm6oJmPL4